วันที่ 18 มิถุนายน 2566 เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือท้องฟ้ากลางเมืองเชียงใหม่ โดยเกิดแสงสะท้อนจากการหักเหของแสงและมุม ปรากฎเป็นวงแหวนสีรุ้งรอบดวงอาทิตย์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนที่มองเห็นความสวยงามบนฟากฟ้า โดยเกิดขึ้นนานเกือบสามชั่วโมง ก่อนที่วงแหวนจะค่อยๆ หายไปปรากฏการณพระอาทิตย์ทรงกลด เกิดจากละอองน้ำในกลุ่มเมฆที่แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบนท้องฟ้า และแสงจากดวงอาทิตย์ได้ส่องกระทบจนเกิดการหักเหของแสง สะท้อนกลับมาเป็นแสงสีรุ้งปรากฎทางธรรมชาตินี้มีความเชื่อในทางโหราศาสตร์ โดยเชื่อกันว่า หากได้เห็นและอธิษฐานกับพระอาทิตย์ทรงกลดจะมีโชคลาภและประสบความสำเร็จสมหวังดังคำอฐิษฐาน
พระอาทิตย์ทรงกลด ความรู้และความเชื่อของคนไทย
เกิดขึ้นจากบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุด และเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จนทำให้ละอองน้ำในอากาศ ณ เวลานั้นๆ แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ จำนวนมหาศาลลอยอยู่บนท้องฟ้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง ทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้ง คล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตกขึ้นแต่โดยทั่วไปเรามักจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อนๆ มากที่สุด ถ้าเกิดจากการสะท้อนของแสงจะปรากฏเป็นสีเขียว แต่ถ้าเกิดจากการหักเหของแสงจะเป็นสีแดงเพลิงในตอนกลาง และเป็นสีน้ำเงินปนแดงตามขอบนอก
วันนี้...เป็นวันดี เป็นลางดี
และ…มักจะถูกเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงเวลานั้นด้วยว่า…“พระอาทิตย์ทรงกลด” เป็นเสมือนแสงแห่งชัยชนะ เป็นลางดีที่จะช่วยคลี่คลายเงื่อนปมปัญหาสารพัดที่มีอยู่ให้ก้าวข้ามผ่านพ้นวิกฤติทั้งปวงไปได้แน่นอนว่า ความเชื่อข้างต้นนี้ มีมานับแต่อดีตกาลโบราณนานมาแล้วคนไทยนับถือพระอาทิตย์เสมือนเทวดาที่อยู่บนฟ้า จึงเรียกคำนำ
หน้าว่า “พระ” เช่นเดียวกับคำว่า “กลด” ก็ถือว่าเป็นของสูงสำหรับพระ คนไทยจึงเชื่อปรากฏการณ์ธรรมชาติพระอาทิตย์ทรงกลดว่าเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ สื่อบ่งบอกถึงความเป็นสิริมงคล เป็นสัญญาณว่าจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาแล้วในยามที่มีการประกอบพิธีสำคัญต่างๆ หากเกิด “พระอาทิตย์ทรงกลด” ระหว่างพิธียิ่งถือว่าเป็นฤกษ์ดี ทำให้พิธีการเป็นมงคลยิ่งๆขึ้นไป